วันอังคารที่ 28 มกราคม พ.ศ. 2557

บันทึกการเรียนการสอนครั้งที่ 13 วันอังคารที่ 28 มกราคม พ.ศ. 2557

บันทึกการเรียนการสอนครั้งที่ 13
วันอังคารที่ 28 มกราคม พ.. 2557
วิชา การอบรมเลี้ยงดูเด็กปฐมวัยที่มีความต้องการพิเศษ
ผู้สอน อาจารย์ตฤณ    เเจ่มถิ่น
            เนื้อหาการเรียนหารสอน
เนื่องจากวันนี้ตรงกับวันสอบกลางภาคของมหาวิทยาลัยจึงไม่มีการเรียนการสอนในชั้นเรียน
            ความรู้เพิ่มเติม
แผนการศึกษาเฉพาะบุคคล Individualized Education Plan
            แผนการศึกษาที่ร่างขึ้น เพื่อให้เด็กพิเศษแต่ละคนได้รับการสอน และการช่วยเหลือฟื้นฟูให้
เหมาะสมกับความต้องการและความสามารถของเขา ด้วยการจัดสภาพแวดล้อมที่เอื้อต่อการเรียนรู้ของ
เด็กโดยระบุเวลาเริ่มต้นและสิ้นสุดการใช้แผนและวิธีการวัดประเมินผลเด็ก ซึ่งมีองค์ประกอบดังนี้
            1.ข้อมูลส่วนตัวของเด็ก
            2.ระบุว่าเด็กมีความจำเป็นต้องได้รับบริการพิเศษอะไรบ้าง
            3.การระบุความสามารถของเด็กในขณะปัจจุบัน
            4.เป้าหมายระยะยาวประจำปี
            5.ระบุวัน เดือน ปี ที่เริ่มทำการสอน และคาดคะเนการสิ้นสุดของแผน
            6.วิธีการประเมินผล
ประโยชน์ที่ได้รับ
            ตัวเด็ก
            1.ได้เรียนรู้ตามความสามารถของตน
            2.ได้มีโอกาสพัฒนาตามศักยภาพของตน
            3.ได้รับการศึกษาและฟื้นฟูอย่างต่อเนื่องและเหมาะสม
            4.ถ้าเด็กเข้าเรียนในโรงเรียนจะไม่ถูกจัดเข้าชั้นเรียนเฉยๆ
            ครู
            1.เป็นแนวทางการจัดการเรียนการสอนที่ตรงกับความสามารถและความต้องการของเด็ก
            2.เป็นแนวทางในการเลือกสื่อการสอนและวิธีการสอนให้เหมาะกับเด็ก
            3.ปรับเปลี่ยนได้เมื่อความต้องการเปลี่ยนแปลงไป
            4.เป็นแนวทางในการประเมินผลการเรียนและการเขียนรายงานพัฒนาการความก้าวหน้าของเด็ก
ตรวจสอบและประเมินได้เป็นระยะ
            ผู้ปกครอง
            1.ได้มีส่วนร่วมในการจัดทำแผนการเรียนรายบุคคล เพื่อให้เด็กได้พัฒนาความสามารถได้สูงสุด
ตามศักยภาพ
            2.ทราบร่วมกับครูว่าจะฝึกลูกของตนอย่างไร
            3.เกิดความร่วมมือในการพัฒนาเด็ก มีการติดต่อสื่อสารกันอย่างต่อเนื่อง และใกล้ชิดระหว่างบ้าน

กับโรงเรียน 

วันอังคารที่ 21 มกราคม พ.ศ. 2557

บันทึกการเรียนการสอนครั้งที่ 12 วันอังคารที่ 21 มกราคม พ.ศ. 2556

บันทึกการเรียนการสอนครั้งที่ 12
วันอังคารที่ 21 มกราคม พ.. 2556
วิชา การอบรมเลี้ยงดูเด็กปฐมวัยที่มีความต้องการพิเศษ
ผู้สอน อาจารย์ตฤณ    เเจ่มถิ่น
เนื้อหาการเรียนการสอน
            1.เด็กที่มีความบกพร่องทางร่างกาย และสุขภาพ
            2.เด็กที่มีความบกพร่องทางการพูด และ ภาษา
ความรู้เพิ่มเติม
            1.เด็กที่มีความบกพร่องทางร่างกาย และสุขภาพ (lChildren with Physical and Health 
Impairments)
            หมายถึง เด็กที่มีอวัยวะมาสมส่วน อวัยวะส่วนใดส่วนหนึ่งหรือหลายส่วยขาดหายไป กระดูกและ
กล้ามเนื้อพิการ เจ็บป่วยเรื้อรังรุนแรง มีความพิการของระบบประสาท มีความลำบากในการเคลื่อนไหวซึ่ง
เป็นอุปสรรคต่อการศึกษาในสภาพปกติ ทั้งนี้ไม่รวมเด็กที่มีความบกพร่องทางประสาทสัมผัส ได้แก่ ตาบอด
หูหนวก
            เด็กที่มีความบกพร่องทางร่างกาย และสุขภาพ  สามารถจำแนกได้ 2 ประเภท 
1.1 อาการบกพร่องทางร่างกายคือ
            - เด็กซีพี (Cerebral Palsy) มีลักษณะ คือ อัมพาต สมองพิการ หรือ สมองที่กำลังถูกพัฒนาก่อน
คลอด ระหว่างคลอด หรือหลังคลอด
            - การเคลื่อนไหว การพูด พัฒนาการล่าช้า เด็กซีพีมีความบกพร่องที่เกิดจากส่วนต่างๆของสมอง
แตกต่างกัน
            2.เด็กที่มีความบกพร่องทางการพูด และ ภาษา (Children with Communication Disoreders)
            หมายถึงเด็กที่มีความบกพร่องในเรื่องการออกเสียง เช่น เสียงผิดปกติ อัตราความเร็วและลีลา
จังหวะการพูดผิดปกติ หรือบุคคลมีความบกพร่องในเรื่องความเข้าใจหรือการใช้ภาษาพูด การเขียน หรือ
ระบบสัญลักษณ์อื่นที่ใช้ในการติดต่อสื่อสาร ซึ่งอาจเกี่ยวกับรูปแบบของภาษา เนื้อหาของภาษาและหน้าที่

ของภาษาทำให้ฟังไม่รู้เรื่อง สื่อความหมายต่อกันไม่ได้

วันอังคารที่ 14 มกราคม พ.ศ. 2557

บันทึกการเรียนการสอนครั้งที่ 11 วันอังคารที่ 14 มกราคม พ.ศ. 2556

บันทึกการเรียนการสอนครั้งที่ 11
วันอังคารที่ 14 มกราคม พ.. 2556
วิชา การอบรมเลี้ยงดูเด็กปฐมวัยที่มีความต้องการพิเศษ
ผู้สอน อาจารย์ตฤณ    เเจ่มถิ่น
เนื้อหาการเรียนการสอน
 1.เด็กที่มีความบกพร่องทางการได้ยิน Children with hearing Tmpairment
            - ความหมาย
            - ลักษณะอาการ
ความรู้เพิ่มเติม
            สามารถแบ่งออกเป็น 2 กลุ่ม ดังนี้
1.เด็กหูตึง หมายถึง เด็กที่สูญเสียการได้ยิน สามารถรับข้อมูลได้ โดยใช้เครื่องช่วยฟังจำแนกได้ 4 กลุ่มดังนี้
            -ระดับหูตึงเล็กน้อย         ค่าเฉลี่ย 26 – 40            เดซิเบล
            -ระดับหูตึงปานกลาง       ค่าเฉลี่ย 41 – 55            เดซิเบล
            -ระดับหูตึงมาก               ค่าเฉลี่ย 56 – 70            เดซิเบล
            -ระดับหูตึงรุนแรง            ค่าเฉลี่ย 71 – 90            เดซิเบล
2.เด็กหูหนวก หมายถึง เด็กที่สูญเสียการได้ยินมากจนไม่สามารถรับข้อมูลผ่านทางการได้ยินไม่ว่าจะใช้
เครื่องช่วยฟังหรือไม่ก็ตาม โดยทั่วไปหากตรวจวัดการได้ยินจะสูญเสียการได้ยินประมาณ 90 เดซิเบลขึ้นไป
การวัดคิดค่าเฉลี่ยระดับการได้ยินที่ความถี่ 500 เฮิรตซ์ และ 200 เฮิรตซ์


วันอังคารที่ 7 มกราคม พ.ศ. 2557

บันทึกการเรียนการสอนครั้งที่ 10 วันอังคารที่ 7 มกราคม พ.ศ. 2557

บันทึกการเรียนการสอนครั้งที่ 10
วันอังคารที่ 7 มกราคม พ.. 2557
วิชา การอบรมเลี้ยงดูเด็กปฐมวัยที่มีความต้องการพิเศษ
ผู้สอน อาจารย์ตฤณ    เเจ่มถิ่น
เนื้อหาการเรียนการสอน

            ไม่มีการเรียนการสอนเนื่องจากอยู่ในช่วงวันปีใหม่